ส่วนประกอบของ Multi media พร้อมยกตัวอย่าง ( ยัง งงๆ อยู่ บ้าง มันสั้นๆไปไหม )
ตอบ
1 ภาพนิ่ง
2ภาพเคลื่อนไหว
3ข้อความ
4เสียง
วันพุธที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2553
แนว Multi ข้อ 4
การประยุกต์ใช้อุปกรณ์ Multi for PR
เช่น facebook /blog /twitter = เอา มา วิเคราห์ ข้อดี ข้อด้อย ประโยชน์ แนวโน้ม ในอนาคต
ควรไปศึกษา เรื่อง web 3.0
บทความ
Web 3.0 คืออะไร
ฮึ ฮึ เว็บ COMPUTERS, INC. เพิ่งทำการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเว็บครั้งใหญ่ ให้สามารถตอบสนองพี่น้องได้มากขึ้น เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามหลักของ Web 2.0 ยังทำไม่ทันเสร็จเลย ค้นหาข้อมูลก็ดันพบกับข้อมูลเกี่ยวกับ Web 3.0 แล้ว ดูไปแล้ว Web 2.0 อายุอานามจะสั้นพอสำควร เพราะเพิ่มลืมตาอ้าปากได้ไม่เท่าไร น้องใหม่ก็กำลังเกิดมาแย้งซีนเสียแล้ว น่าสงสารจัง ToT’ Web 3.0 ถูกออกแบบมาบนพื้นฐานความเชื่อ และการวิเคราะห์จากปริมาณของข้อมูลใน Web 2.0 ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เว็บต่างๆ ต้องมีระบบบริหารจัดการเว็บให้ดีขึ้น ง่ายขึ้น ด้วยรูปแบบ Metadata ซึ่งก็คือการนำข้อมูลมาบอกรายละเอียดของข้อมุลนั้นๆ นั่นเอง โดยระบบเว็บจะเป็นผู้จัดการในการค้นหาข้อมูลให้เราเองครับ จึงสามารถคาดการณ์ถึงข้อมูลได้ว่าจะมีการเชื่อมโยงกันอย่างมีระบบระเบียบมากขึ้น
Web 3.0 ดูๆ ไปแล้วก็คงเป็นการพัฒนา แก้ไขปัญหาในระบบ Web 2.0 มากกว่าสร้างบนพื้นฐานความรู้ใหม่ โดยจะไปเน้นเรื่องการจัดการข้อมูลในเว็บมากขึ้น และดีขึ้น ทำให้ผู้เยี่ยมชมสามารถเขัาถึงเนื้องหาของเว็บได้ดีขึ้นนั้นเอง
เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่น่าจะเข้าไปมีส่วนให้การพัฒนาเว็บให้เป็น Web 3.0 นั้น เท่าที่ค้นหาจากแหล่งต่างๆ ในอินเทอร์เน็ตพอสรุปได้คราวๆ ดังนี้…
1.Artificial Intelligence (AI) อันนี้ไม่ต้องอธิบายมาก เป็นระบบสมองกล ที่นิยายวิทยาศาสตร์มักจะนำไปใส่ไว้ในหุ่นยนต์ โดยเจ้า AI จะสามารถคาดเดาผู้ใช้งานได้ว่ากำลังค้นหา หรือคิดอะไรอยุ่
2.Semantic Web เป็นระบบที่มีการเชื่อมโยงข้อมูลต่างๆ ทั้งที่อยู่ในเว็บของผู้พัฒนาและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ให้มีความสัมพันธ์กัน ซึ่งจะทำให้ระบบฐานข้อมูลมีขนาดใหญ่มากๆ หรืออาจทำให้เกิดฐานข้อมุลโลก (Global Database) ไปเลยก็ได้
3.Composite Applications เป็นการผสมผสาน Application หรือโปรแกรม หรือบริการต่างๆ ของเว็บ ที่มาจากแหล่งต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อประโยชน์ของผู้ใช้งานนั้นเอง
4.Semantic Wiki คำว่า Wiki นี้ เราเริ่มเห็นๆ ออกมามากแล้วนะครับ เป็นการอธิบายคำๆ หนึ่ง คล้ายกับดิกชันนารีนั้นเองครับ ดังนั้นถ้า Web 3.0 เป็น Wiki ด้วยแล้วนั้น จะทำให้เราสามารถหา ความหมาย หรือข้อมูลต่างๆ ได้ละเอียด และแม่นยำมากขึ้น
5.Ontology Language หรือ OWL เป็นภาษาที่ใช้ในการอธิบายสิ่งต่างๆ ให้มีความสัมพันธ์กัน โดยดูจากความหมายของสิ่งนั้นๆ ซึ่งก็จะเชื่อมโยงกับระบบ Metadata นั้นเอง (เขียนไว้ข้างบน)
เช่น facebook /blog /twitter = เอา มา วิเคราห์ ข้อดี ข้อด้อย ประโยชน์ แนวโน้ม ในอนาคต
ควรไปศึกษา เรื่อง web 3.0
บทความ
Web 3.0 คืออะไร
ฮึ ฮึ เว็บ COMPUTERS, INC. เพิ่งทำการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเว็บครั้งใหญ่ ให้สามารถตอบสนองพี่น้องได้มากขึ้น เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามหลักของ Web 2.0 ยังทำไม่ทันเสร็จเลย ค้นหาข้อมูลก็ดันพบกับข้อมูลเกี่ยวกับ Web 3.0 แล้ว ดูไปแล้ว Web 2.0 อายุอานามจะสั้นพอสำควร เพราะเพิ่มลืมตาอ้าปากได้ไม่เท่าไร น้องใหม่ก็กำลังเกิดมาแย้งซีนเสียแล้ว น่าสงสารจัง ToT’ Web 3.0 ถูกออกแบบมาบนพื้นฐานความเชื่อ และการวิเคราะห์จากปริมาณของข้อมูลใน Web 2.0 ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เว็บต่างๆ ต้องมีระบบบริหารจัดการเว็บให้ดีขึ้น ง่ายขึ้น ด้วยรูปแบบ Metadata ซึ่งก็คือการนำข้อมูลมาบอกรายละเอียดของข้อมุลนั้นๆ นั่นเอง โดยระบบเว็บจะเป็นผู้จัดการในการค้นหาข้อมูลให้เราเองครับ จึงสามารถคาดการณ์ถึงข้อมูลได้ว่าจะมีการเชื่อมโยงกันอย่างมีระบบระเบียบมากขึ้น
Web 3.0 ดูๆ ไปแล้วก็คงเป็นการพัฒนา แก้ไขปัญหาในระบบ Web 2.0 มากกว่าสร้างบนพื้นฐานความรู้ใหม่ โดยจะไปเน้นเรื่องการจัดการข้อมูลในเว็บมากขึ้น และดีขึ้น ทำให้ผู้เยี่ยมชมสามารถเขัาถึงเนื้องหาของเว็บได้ดีขึ้นนั้นเอง
เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่น่าจะเข้าไปมีส่วนให้การพัฒนาเว็บให้เป็น Web 3.0 นั้น เท่าที่ค้นหาจากแหล่งต่างๆ ในอินเทอร์เน็ตพอสรุปได้คราวๆ ดังนี้…
1.Artificial Intelligence (AI) อันนี้ไม่ต้องอธิบายมาก เป็นระบบสมองกล ที่นิยายวิทยาศาสตร์มักจะนำไปใส่ไว้ในหุ่นยนต์ โดยเจ้า AI จะสามารถคาดเดาผู้ใช้งานได้ว่ากำลังค้นหา หรือคิดอะไรอยุ่
2.Semantic Web เป็นระบบที่มีการเชื่อมโยงข้อมูลต่างๆ ทั้งที่อยู่ในเว็บของผู้พัฒนาและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ให้มีความสัมพันธ์กัน ซึ่งจะทำให้ระบบฐานข้อมูลมีขนาดใหญ่มากๆ หรืออาจทำให้เกิดฐานข้อมุลโลก (Global Database) ไปเลยก็ได้
3.Composite Applications เป็นการผสมผสาน Application หรือโปรแกรม หรือบริการต่างๆ ของเว็บ ที่มาจากแหล่งต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อประโยชน์ของผู้ใช้งานนั้นเอง
4.Semantic Wiki คำว่า Wiki นี้ เราเริ่มเห็นๆ ออกมามากแล้วนะครับ เป็นการอธิบายคำๆ หนึ่ง คล้ายกับดิกชันนารีนั้นเองครับ ดังนั้นถ้า Web 3.0 เป็น Wiki ด้วยแล้วนั้น จะทำให้เราสามารถหา ความหมาย หรือข้อมูลต่างๆ ได้ละเอียด และแม่นยำมากขึ้น
5.Ontology Language หรือ OWL เป็นภาษาที่ใช้ในการอธิบายสิ่งต่างๆ ให้มีความสัมพันธ์กัน โดยดูจากความหมายของสิ่งนั้นๆ ซึ่งก็จะเชื่อมโยงกับระบบ Metadata นั้นเอง (เขียนไว้ข้างบน)
แนว Multi ข้อ 2
2> Social Media ใช้ในการ PR ยังไง ?
Share /Public /Multimedia
หลังจากนั้นเขียนแผนการPR ( โจทย์ ยังไม่รู้ )
1 ชื่อโครงการ
2ข้อมูลเบื้องต้น SWOT
3ปัญหา ( เอามาจากในSWOT )
4จุดมุ่งหมาย ( แก้ไขปัญหาอย่างไร )
5กลุ่มเป้าหมาย ( ด้านกายภาพ / ด้านจินตภาพ )
6แนวคิด ( ดูจากปัญหาใน SWOT )
7Mood & Tone ( บุคคลิคของงาน 3 คำ _/_/_)
8รูปแบบการนำเสนอ
( ทำยังไง ใช้สื่ออะไร มี ขั้นตอนใดบ้าง
ต้องเขียนแผนโยงเส้นบอกขั้นตอนทุกอย่าง )
แนว Multi ข้อ 1
1> การเลือกใช้ สื่อ ประกอบงาน Multi ประเภท presentation `` เปิด ตัว อะไร สัก อย่างเกี่ยวกับ มหาลัยอาจเปนโลโก้`` ไปศึกษา เรื่องนี้ด้วย ความเปนมา ความหมายโลโก้
วิธีการ ตอบ ให้บอก ถึง องค์ประกอบของงานMulti 1 ภาพนิ่ง2 ภาพเคลื่อนไหว 3ข้อความ4เสียง ว่าใช้อะไรทำยังไงบ้าง ตอบในลักษณะ ของ ตาราง ในภาพที่ 1
หลังจากนั้น
ตอบ
Concept : ?
Mood & Tone : _/_/_ บุคคลิคของงาน 3 คำ
END
ปล น่าจะทำ คล้ายๆ กับ story bord
วิธีการ ตอบ ให้บอก ถึง องค์ประกอบของงานMulti 1 ภาพนิ่ง2 ภาพเคลื่อนไหว 3ข้อความ4เสียง ว่าใช้อะไรทำยังไงบ้าง ตอบในลักษณะ ของ ตาราง ในภาพที่ 1
หลังจากนั้น
ตอบ
Concept : ?
Mood & Tone : _/_/_ บุคคลิคของงาน 3 คำ
END
ปล น่าจะทำ คล้ายๆ กับ story bord
วันอังคารที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2553
วันจันทร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2553
GaMe SpeCaiL FoRcE
Specail force
คือ เกมส์ แนว Miltary FPS ซึ่งนำเอาหน่วยรบที่มีชื่อเสียงของโลก
ในยุคปัจจุบันมรวมกัน โดยทีมที่ปรึกษาทาง ทหาร ทีมเดียวกับเรื่อง
แทกึกกี เลือดเนื้อเพื่อฝันวันสิ้นสงคราม
สร้างหน่วยรบด้วยตัวเอง
ผู้เล่นสามารถเลือกใช้ไอเทม อาวุธ แล้วหน่วยรบต่างๆ เช่น sas delta force seal
ความรู้สึกที่ตื่นเต้นเสมือน จริง
ท่านผู้เล่นสามารถพบกับประสบการณ์ การเล่นที่ตื่นเต้นและเสมือนจริงจาก
อะนิเมชั่นตัวละครจากเทคนิค Motion Capture ความรู้สึกที่ตื่นเต้นจาก ฉากสู้รบ
ในเกมส์ ซึ่งมี จุดเด่นอยู่ 10 อย่าง ได้แก่ การเคลื่นไหวของมุมมอง เนื่องจากการ
ถีบกลับของปืน ความเร็วในการถีบกลับ ทิศทางในการถีบกลับเป็นต้น
วันศุกร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2553
What is facebook ?
เฟซบุ๊ค คืออะไร
ทำไมต้องเฟซบุ๊ค
เฟซบุ๊คเป็นเสมือนสังคมๆหนึ่ง ซึ่งอยู่ในลักษณะของสังคมออนไลน์ หรือที่เรียกกันติดปากว่า Socail Network ซึ่งสังคมนี้เป็นสังคมที่รวบรวมคนชอบ ความสนใจในสิ่งเดียวกันใว้ด้วยกัน หรืออยู่คนละเว็บไซด์แต่ข้อมูลข่าวสาร สามารถสื่อสาร ส่งต่อ หรือแบ่งปันให้กันได้ จากจุดเริ่มต้นที่คนหนึ่งส่งหาเพื่อนอีกคน แล้วมีการส่งต่อกระจายออกไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นเครือข่ายสังคมขนาดใหญ่ โดยที่คนในสังคมจะคอยอัพเดทแบ่งปันข้อมูลข่าวสารซึ่งกันและกัน จนทำให้สังคมออนไลน์เป็นเครือข่าย ที่กว้างขวางและเข้มแข็งมาก
และเฟซบุ๊คก็เป็นสังคมออนไลน์แห่งหนึ่งที่มีคนใช้งานมากที่สุดเว็บไซด์หนึ่ง ของโลก ในการสมัคร เข้าใช้
งานก็วามารถทำได้ง่ายดาย เพราะใครๆก็สามารถจะลงทะเบียน เข้าใช้งานโต้ตอบกับคนในกลุ่มสังคมออนไลน์ ที่พวกเขารู้จักได้ภายใน เฟซบุ๊ค ได้ถูกออกแบบมาให้ง่ายต่อการใช้งาน
eX Socail me dia Pr <>
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)